“ไม่รู้ว่ารอบนี้ผมมองผิดหรือมองถูก...
แต่ผม all-in ด้วยสิ่งที่มี...หมดหน้าตักแน่นอนครับ“
ผมเข้าวงการออนไลน์ ด้วยเงินทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท
มาตั้งแต่ปี 2554 ตั้งแต่ธุรกิจนี้ยังไม่มีความน่าเชื่อถือ คุยกับใครก็ไม่ค่อยเข้าใจ
จากจุดเริ่มต้นง่ายๆในวันนั้นที่ไม่มีใครทำ ผมกลับมองว่าคือ “โอกาส” ผมได้พัฒนาตนเองและมีทีมงานที่ดีโดยใช้เวลาทั้งหมด13ปีจากคนขายของธรรมดาสู่ เจ้าของบริษัทจำหน่ายสินค้าผ่าน“ระบบตัวแทน”ที่มียอดขายรวมพันล้านบาท
(แอบภูมิใจเล็กน้อย นานๆจะพูดถึงยอดขาย55)
ที่ผ่านมา...ผมเห็นวงจรของการทำแบรนด์ในรูปแบบระบบตัวแทนจำหน่าย หลายยุคหลายสมัย จน2ปีหลังมานี้ภาพรวมของแบรนด์ในตลาดได้เปลี่ยนเป็น“ระบบนายหน้า” ซึ่งเป็นเทรนของโลก ณ ปัจจุบัน
ระบบนี้ได้สร้างประโยชน์ให้กับเจ้าของแบรนด์และครีเอเตอร์เก่งๆเป็นจำนวนมาก เพราะสมัยนี้ทุกอย่างมันซัพพอร์ทหมดง่าย ไว สะดวก เหมาะสมมาก กับการสร้างแบรนด์ใหม่และแบรนด์ที่ต้องปรับตัวในยุคนี้
แต่....ผมกลับ “มองเห็นโอกาสอีกมุมหนึ่ง“
เพราะเหรียญมักมี2ด้านเสมอ คนที่ไม่มีความสามารถทางด้านการสร้างตัวตนหรือทำคอนเทนท์ก็ล้มหายตายจากไปและผมเชื่อว่ามีมากกว่า90%ที่ล้มเหลว
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเห็น“โอกาสอีกครั้ง” เพื่อจะเก็บตกผู้คนที่วิ่งตามโลกไม่ไหว ซึ่งตัวผมเองก็เช่นกัน (สงสัยคงแก่แล้ว555)
จึงเป็นที่มาที่ทำให้ผมเริ่มศึกษาแนวทางใหม่ๆที่มาสร้าง“ระบบ”ที่แตกต่างออกไปจากเดิม
โดยใช้ ”ความสัมพันธ์“ เป็นตัวขยายความสำเร็จแทน
”การสร้างคอนเทนท์“
โดยที่เราไม่ต้องหมุนตามโลกที่ไวและร้อนแรงในขณะนี้
โดยประสบการณ์ทั้งหมดที่ผมมี ถ้าจะเรียกว่า“ระบบที่ดี”
ต้องประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้นะครับ
-ระบบต้องมี ”ความจริงใจ“ ตรงไปตรงมาไม่มีแอบแฝง
-สามารถใช้แนวคิดเดียวกันก็สำเร็จได้ โดยไม่ต้องพึ่งออนไลน์หรือออฟไลน์ทางใดทางหนึ่ง
-การลงทุนในระบบต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนมากขึ้น การเริ่มต้น“ลงทุนต้องต่ำ”ไม่บีบบังคับให้ทำยอด “แต่ต้องไม่ฟรี” เพราะจะเป็นการคัดคนไม่ตั้งใจเข้าสู่ระบบ และการลงทุนสูงสุดต้องไม่มากจนเกินไปก็สามารถที่จะเติบโตได้
-มีการช่วยเหลือกันภายในทีมได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
สามารถสร้างเครือข่ายใช้ดีบอกต่อได้แบบไม่รูัจบ ไม่เอาเปรียบกันและกัน
-สามารถซื้อสินค้าแบบสะสมยอดได้โดยไม่ต้องใช้ทุนสูง
-การสต๊อค/แพค/ส่งสินค้า เป็นเรื่องของบริษัท
มีการจ่ายผลตอบแทนต้องมี”ความยุติธรรม“ เพื่อให้ระบบนั้นๆถึงจะสามารถอยู่แบบ ”ยั่งยืน“ได้
ทำให้ผมใช้เวลาอยู่เกือบปีในการเซตระบบนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ผมเคยเจอ โดยการเอา
”ข้อดีของระบบตัวแทนจำหน่าย“ที่ผมมีประสบการณ์สูง
มารวมกับ ”ข้อดีของระบบขายตรง“ ที่ผมศึกษาแล้วมันดีมาก
(แต่อยู่ที่คนจะเอามาใช้ในทางที่ถูกหรือเปล่าแค่นั้น)
โดยผมบัญญัติคำใหม่ขึ้นมาเองเราเรียกระบบนี้ว่า
“ระบบ Fairbiz"
(Fair = ยุติธรรม,business = ธุรกิจ)
”ระบบธุรกิจที่มีความยุติธรรม“ นั่นเอง
และตอนนี้ระบบนี้ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว...กำลังส่งต่อจากผู้นำรุ่นแรกและกำลังสร้างวัฒนธรรมที่ดีตามสโลแกน
“เริ่มต้นด้วยความจริงใจ ลงท้ายด้วยความยั่งยืน”
ฝากไว้ด้วยนะครับ...รอบนี้ผม all-in หมดหน้าตัก
กับสิ่งที่ชื่อว่า "Wellveness (เวลวีเนส)“
(รอบหน้าพบกับคำว่า ”เจ้าของอย่างเอา“ครับ)